Follow update via Facebook here https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%8A%E0%B8%81-Zero-Zerious-by-Kik/1541190296146357
ผมสนใจและชอบเรือดำน้ำมาตั้งแต่เด็ก โดยได้อิทธิพลจากหนัง ๒ เรื่อง ที่ได้ดูทางทีวี ศัตรูใต้สมุทร (The Enemy Below) และ ผจญภัยใต้ทะเลลึก (The Voyage to the Bottom of the Sea) ซึ่งเรี่องหลังเป็นทั้งหนังโรงและหนังชุดทีวี ผมรู้สึกหลงใหลกับมันเพราะรู้สึกว่า เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่น่าเกรงขาม ตรวจจับยาก การควบคุมเรือก็ต้องอาศัยทักษะขั้นสูง เพราะอาศัยแต่การฟังเท่านั้น และจะต้องมีวินัย และความอดทนอย่างสูง ที่จะปฏิบัติการในพื้นที่แคบๆ ด้วยความเงียบอย่างที่ถูกเรียกว่าเป็นการปฏิบัติการในความเงียบ
ก็เลยอยากจะพูดถึงเรือดำน้ำในบทความนี้
และอีกอย่างที่ทำให้ผมมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะเขียนก็คือ
เพื่อสนับสนุนให้กองทัพเรือไทยได้มีเรือดำน้ำเข้าประจำการในเร็ววันนี้
ขอเป็นกำลังใจให้กับกองทัพเรือแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่กำลังดำเนินการจัดหาอยู่ในขณะนี้ครับ
สิ่งที่ผมจะเล่าคงไม่ใช่การพูดถึงเรือดำน้ำในด้านเทคนิค
เพราะไม่ได้ต้องการให้เป็นบทความวิชาการ
แต่ผมจะขอเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์
และข่าวสารบางเรื่องที่คิดว่าน่าจะมาเผยแพร่สู่กันฟังนะครับ
และก็คงไม่พูดถึงเหตุผลว่าทำไม ไทยต้องมีเรือดำน้ำด้วย เพราะมีเวบทางทหารของเราหลายเว็บทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว
หนึ่งเรื่องที่ผมเคยสงสัยมาตั้งแต่เด็ก และเพิ่งจะมารู้เหตุผลเร็วๆนี้ก็คือ
ตำแหน่งติดตั้งของปีกบังคับการดำ (Hydroplane,
Diving Plane) เรือดำน้ำจะมีอุปกรณ์นี้เพื่อช่วยในการบังคับทิศในการดำ
หรือเชิดหัว คล้ายกับปีกท้ายของเครื่องบิน เคยสังเกตไหมครับ
เรือดำน้ำสัญชาติอังกฤษ และรัสเซีย จะมีเจ้าปีกบังคับติดตั้งอยู่ด้านหน้าของเรือ
ใต้ระดับน้ำหรือเหนือผิวน้ำในขณะเรือลอยลำ ในขณะที่เรือดำน้ำอเมริกัน
และชาติอื่นๆเช่น สวีเดน เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
จะมีอุปกรณ์ตัวนี้ติดตั้งในตำแหน่งหอคอยเรือ (Sail, Conning Tower) แทน
จนต้องไปค้นข้อมูลดูว่ามีเหตุผลอะไร อังกฤษ กับ รัสเซีย ถึงออกแบบเรือแบบนี้
ก็ปรากฎว่าทั้ง ๒ ตำแหน่งของการติดตั้งมีข้อดี ข้อเสียต่างกัน โดยสรุป
ข้อดีของการติดปีกบังคับการดำไว้ที่หอคอยเรือคือมันจะไม่เกิดเสียงรบกวนโซนาร์ด้านหน้าเรือ
แต่ข้อเสียก็คือมันอยู่ใกล้ศูนย์กลางเรือมากทำให้ประสิทธิภาพบังคับทิศการดำน้ำลดลง
ข้อดีข้อเสียของการติดตั้งแบบอังกฤษ และรัสเซียก็จะเป็นในทางกลับกัน มีข้อสังเกตอีกอย่างคือ
เรือดำน้ำรุ่นใหม่ของอเมริกา เช่น ซีวูล์ฟ และ เวอร์จิเนีย หรือ ลอสแองแจลีสรุ่นปรับปรุง
เปลี่ยนตำแหน่งของปีกบังคับไว้ที่ด้านหน้าหมดแล้ว (เป็นแบบอยู่ใต้ระดับน้ำ)
นี่คงจะเป็นการตัดสินว่าการออกแบบ แบบใดมีข้อดีโดยรวมมากกว่ากัน
I have strong interest in submarines since I was a kid, mostly because of the influential from 2 movies I watched, The Enemy Below and Voyage to the Bottom of the Sea. The latter, especially, had turned into TV series too. I obsessed with it as I think it is such a formidable weapon, hard to be detected. It also requires highly trained skills, discipline and sophisticated tools to operate. Controlling the submarine is achieved by hearing only as we can not see anything underneath the sea. The crews of the submarine need to be tough and patient in order to spend long time in limited space and keep the noise at minimal. They are so called the Silent Service.
So that is why I would like to talk about the submarine today. I do not mean to write this article as the technical or academic references. Rather, I will tell you about some trivia or news that I felt interesting but some people may not know before.
The first thing I have noticed and always wonder since long time ago is the location of hydroplanes or diving planes. Until recently that I have found some reasons to solve my puzzles. The hydroplane is required to assist the submarine in diving or surfacing just like the elevator on the airplane (normally located at tail planes). The British and Russian will attach this part on bow hull of the submarine, above or below water line when surfacing while other countries' design like the US, Sweden, or France has this located on the sail or conning tower. Why?
So I tried to search for information and finally I got some answers. The 2 different positions have pros and cons. The sail planes do not make noise to interfere with the bow sonar, but they are less effective for controlling the diving/surfacing direction especially when needing to do either way quickly. The bow planes are vice versa to the sail planes. However, we have seen some changes recently to the US submarines as the improved version of Los Angeles class and the newer classes like Sea Wolf and Virginia, all converted to bow planes (sub water). The British does not seem to have problem with the bow sonar as they have never changed their design. This may indicate prevalence of the bow planes.
ปีกบังคับบนส่วนหัวเรือของเรือ แอมบุช ของอังกฤษ
Hydroplane on bow of HMS Ambush
Source : http://www.defenceimagery.mod.uk/fotoweb/Grid.fwx?archiveId=5042&search=(IPTC005%20contains(NE120447065)), Author :LA(Phot) Will Haigh
_returns_to_the_General_Dynamics_Electric_Boat_shipyard.jpg)
Virginia Submarine of the US Navy with the hydroplane at the bow below water level.
Source:
U.S. Navy photo by General
Dynamics Electric Boat
เรื่องที่สองที่อยากพูดถึงคือ
หลังจากที่โลกมีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เกิดขึ้นมา ซึ่งก็หลังสงครามโลก ครั้งที่
๒ หลายปี
มีการยิงตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่ครั้งเดียว
(ไม่นับในการฝึก) มันเกิดขึ้นในศึกฟอล์คแลนด์ เมื่อปี ๒๕๒๕ นั่นเอง
นี่ไม่นับการยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์คเพื่อโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินนะครับ
ในศึกฟอล์คแลนด์นั้น เราน่าจะรู้จักและจดจำเหตุการณ์การจมเรือพิฆาตของอังกฤษหลายลำ
จากการยิงขีปนาวุธที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากในศึกครั้งนั้น คือ
จรวดเอกโซเซท์จากฝ่ายอาร์เจนติน่านั่นเอง แต่สิ่งที่เราอาจลืมไปคือ
เหตุการณ์การจมเรือครูสเซอร์ อาร์เจนติน่าชื่อ นายพลเบลกราโน่ (General Belgrano)โดยเรือดำน้ำนิวเคลียร์ เอชเอมเอส คองเคอเรอร์ (HMS Conqueror : ผู้พิชิต) ของอังกฤษ อย่างที่กล่าว
นี่เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวนับถึงปัจจุบัน (เมษายน ๒๕๕๘)
ที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้าต่อกรเรือรบของศัตรู
และนับเป็นแค่หนึ่งในสามครั้งเท่านั้นหลังสงครามโลก ที่เรือดำน้ำโจมตีเรือรบฝ่ายตรงข้าม
(อีกสองครั้งคือการจมเรือรบอินเดีย โดยเรือดำน้ำปากีสถานในปี ๒๕๑๔ และ
การจมเรือรบเกาหลีใต้ โดยเรือดำน้ำเกาหลีเหนือในปี ๒๕๕๓)
The second thing I want to share is that after the advent of Nuclear powered submarines (post World War II), there was only one incident that such submarine engaged enemy vehicles with torpedoes. We do not count the land attack by guided missiles, please understand. This happened in the Falkland war in 1982.
In the said war, we may recall the biggest incident which is the sinking of the British several Frigates with, since then made famous, the Exocet missiles by the Argentine. However, we should know that the sinking of Argentine Cruiser General Bel Grano by torpedoes fired from HMS Conqueror is until now still the unique incident for the nuclear submarines. As a matter of facts, there were only three times after the World War II that submarines attacked enemy war ships. The other two were the sinking of Indian ship by Pakistani Submarine and South Korean ship by North Korean submarines in 1971 and 2010 respectively.
.jpg)
HMS Conqueror homeward bound after the war.
Source : Courtesy of Navyphoto. http://www.navyphotos.co.uk/
เรื่องที่สาม พวกเรารู้หรือไม่ครับว่า ที่เราเห็นในหนังกันบ่อยๆว่า
เรือดำน้ำโจมตีเรือดำน้ำด้วยกัน โดยตอร์ปิโด ในขณะที่ดำน้ำอยู่ด้วยกันนั้น
มันเกิดขึ้นได้ยากมาก
ในยุคก่อนที่เราจะมีเทคโนโลยีที่สามารถช่วยบังคับให้ตอร์ปิโดค้นหาเป้าได้
และในความเป็นจริง มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!
เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๘๘ เรือดำน้ำอังกฤษ
เอชเอมเอส เวนเจอเรอร์ (HMS Venturer
: ผู้เสี่ยงภัย)
เล่นเกมแมวจับหนู กับเรือดำน้ำ ยู ๘๖๔ (U 864) ของเยอรมนี
หลังจากที่หลบหลีกกันอยู่นานในขณะดำน้ำทั้งคู่
ผู้การเรือเวนเจอเรอร์ก็ตัดสินใจทำนายตำแหน่งและเส้นทางหลบเลี่ยงของ ๘๖๔
ด้วยการคำนวณในแบบ ๓ มิติ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะปรกติ
เรือดำน้ำจะเห็นตำแหน่งเป้าบนผิวน้ำจากกล้องเปอริสโคป
และคำนวณตำแหน่งหลบหลีกไปข้างหน้า ถอยหลัง หรือหมุนตัว รวมทั้งระยะยิง ซึ่งเป็น ๒
มิติ แต่ในครั้งนี้ มีความลึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เวนเจอเรอร์ปล่อยตอร์ปิโดไป ๔
ลูก ( ครั้งละ ๒ ลูก ๒ ครั้ง) ในตำแหน่งที่คาดเดาจากการคำนวณ ในช่วงเวลาห่างกัน ๑๗
วินาทีครึ่ง และหลบออกจากพื้นที่เพื่อเลี่ยงการโต้กลับ ยู ๘๖๔
รับรู้ได้และพยายามหลบหลีกแต่ในที่สุด ตอร์ปิโดลูกสุดท้ายก็โดนเป้าหมาย ยู ๘๖๔
ก็พบจุดจบลง อย่างที่บอก นี่เป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่มีการโจมตีแบบนี้
ด้วยตอร์ปิโดระบบไร้การนำวิถี
ดังนั้นต้องนับถือผู้บังคับการและลูกเรือเป็นอย่างมาก ครับ ผู้การเรือท่านนี้ชื่อ
จิมมี่ ลอนเดอร์ (Jimmy Launders)
Next, do you know that, what we usually see in war movies when the submarine attacked the other submarine while both submerged is hardly to happen in real event. This is even more difficult at the time you still do not have guided or homing torpedoes! In fact, it did only happen just once in the history till now!
It happened during the end of World War II on February 1945. The British submarine HMS Venturer and the German U-864 were on the hide-and-seek with each other while being submerged. After awhile, the commander of Venturer decided to engage the opponent. This never happened before. When submarines attacked surface ships, they must know the firing range as well as the course of the surface ship may take to dodge torpedoes. So this is only two dimensional. But for this case Venturer commander must take into account the depth so it is now three dimensional. He and his crew must take assumptions to calculate and predict the evasive pattern of U-864. Finally, Venturer did fire two pairs of torpedoes at 17.5 second interval into the predicted path (different depth) and ran away quickly from the scene to avoid any retaliation. U-864 did hear of the coming torpedoes and tried to maneuver the ship to dodge them. The last torpedo, however, hit her and that was the end of she and her crews.
The commander of Venturer and his crew were highly praised for their action afterwards. His name is Jimmy Launders.
_(IWM_FL_004031).jpg)
Source:
Licensed under Public Domain via Wikimedia Commons - http://commons.wikimedia.org/wiki/File:HMS_Venturer_(P68)_(IWM_FL_004031).jpg#/media/File:HMS_Venturer_(P68)_(IWM_FL_004031).jpg
เรื่องสุดท้ายที่อยากนำเสนอก็คือว่า เราทราบหรือไม่ครับว่า เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นอกจากการเกิดระเบิดและจมลงของ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ครูซ (Kursk) ของรัสเซียซึ่งเป็นข่าวใหญ่มากแล้ว ได้เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เช่นกัน ซึ่งบรรทุกขีปนาวุธนิวเคลียร์ด้วย (ครูซ เป็นเรือดำน้ำโจมตี ไม่ได้บรรทุก หัวรบนิวเคลียร์) ซึ่งอาจจะน่าสะพรึงกลัวมากกว่าด้วยซ้ำไป ถ้าเคราะห์ร้ายกว่านี้
ผมกำลังพูดถึงการชนกันของเรือดำน้ำ เอชเอ็มเอส แวนการ์ด (HMS Vanguard: แนวหน้า) ของอังกฤษ
และเรือดำน้ำ เลอ ทรี อองฟอง (Le
Triomphant: ผู้ชนะ)
ของฝรั่งเศส ในปี ๒๕๕๒ ในมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างลาดตระเวนของทั้งคู่
และในขณะที่บรรทุกขีปนาวุธข้ามทวีป (Balastic
Missiles) ติดหัวรบนิวเคลียร์ด้วย!!
เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๓ หรือ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
โดยทางฝรั่งเศสเป็นผู้ออกมารายงานก่อน (๙ กุมภาพันธ์) ว่า เรือดำน้ำ ทรี อองฟอง ได้เกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับวัตถุใต้น้ำบางอย่างในระหว่างเดินทางกลับจากภารกิจ
ในขณะใช้ความเร็วต่ำ ในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา (๑๖ กุมภาพันธ์) ทางอังกฤษถึงออกมายอมรับว่าวัตถุใต้น้ำที่เรือดำน้ำฝรั่งเศสชน ก็คือเรือดำน้ำ
แวนการ์ดนั่นเอง โดยแวนการ์ดอยู่ระหว่างลาดตระเวนที่ความเร็วต่ำเช่นกัน
เรือดำน้ำทั้งคู่ได้รับความเสียหาย
โดยแวนการ์ดได้รับความเสียหายตรงบริเวณส่วนบรรทุกขีปนาวุธ ด้านกราบขวาของเรือ
ส่วนทรี อองฟอง
ในช่วงแรกมีรายงานจากทางการว่าได้รับความเสียหายส่วนหัวซึ่งเป็นบริเวณโซนาร์
แต่ภายหลังมีการเปิดเผยว่า เกิดความเสียหายขึ้นกับด้านขวาของหอคอยและปีกบังคับการดำด้านขวาบิดเบี้ยวด้วย
ไม่อยากคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเรือทั้ง ๒ ลำ ชนกันในขณะใช้ความเร็วสูงกว่านี้
อย่างที่บอกครับ เรือดำน้ำปฏิบัติการจากการฟัง เหมือนคนตาบอด
อุบัติเหตุเช่นนี้จึงเกิดขึ้นไม่ยาก อีกทั้งเส้นทางการเดินเรือดำน้ำบรรทุกขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์
ถือเป็นความลับสุดยอด จะไม่มีฝ่ายใดรับรู้เลย ฮึฮึ
แต่มันก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง ที่ทั้ง ๒ ชาติ ควรภูมิใจ (หรือเปล่า?) ว่าเทคโนโลยีด้านความเงียบของเรือดำน้ำของตนไม่สามารถถูกตรวจจับได้
Now, the last thing I want to tell you. Besides the explosion and sinking accident of the Russian nuclear submarine Kursk which made the big headline just decade ago, there was another incident involving other nuclear submarines which may be more or less threatening like the Kursk accident. It was less known because there were no casualties. I think it is quite serious because this time it happened to Ballistic Missile nuclear submarines!
I am talking about the collision of two nuclear submarines HMS Vanguard of the British and Le Triomphant of the French in Atlantic Ocean in 2009. Both carried Ballistic nuclear missiles while on their duties.
The accident occurred during 3rd or 4th of February and the French Authorities did come to report it first on 9th of February that Triomphant ran into some objects while submerged at low speed. The British officials confirmed on 16th February that such an object was Vanguard submarine which was patrolling at low speed underneath the ocean too.
Both submarines obtained some damages especially the French boat. Vanguard sustained scratches on outer casing of missile compartment on the starboard site (right side) while Triomphant initially was reported to receive damage at the bow sonar dome. Later reports, however, mentioned more damages seen on the starboard sailplane together with the conning tower. Imagine what could happen if the two subs hit each other at the higher speeds.
As said earlier, the operation of submarines is very difficult. It is not hard that such an accident could happen. Furthermore, patrolling course of such type of submarines is considered top classified. The good news which both navies should be proud (or not lol) is that both stealth submarines could not possibly be detectible.
Author : "Photo: CPOA(Phot) Tam McDonald/MOD"
Source : Site de la Marine nationale française http://www.defense.gouv.fr/marine
Author: Marine nationale
เอาละครับ ครั้งนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเรือดำน้ำ
ผมจะรีบนำมาเล่าสู่กันใหม่นะครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้
จะเป็นที่น่าสนใจแก่ท่านผู้เข้ามาอ่านบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณเว็บต่อไปนี้สำหรับข้อมูล
That is it for today. If I find any interesting related stories, I will update this article again. Thank you all for reading my article as usual.
Thanks the following webs for information.
_(IWM_FL_004031).jpg#/media/File:HMS_Venturer_(P68)_(IWM_FL_004031).jpg){kind=link}
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น